top of page

มันญี่ปุ่น

มันญี่ปุ่น ไม่ใช่ปลูกที่ไหนก็อร่อย

มันหวานญี่ปุ่น มันหนืบ มันม่วง imoking-18.jpg
มันหวานญี่ปุ่น มันหนืบ มันม่วง imoking-19.jpg

มันญี่ปุ่น  หรือ มันเผาญี่ปุ่น 

มันเผาญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น: 焼き芋; โรมาจิ: yakiimo) เป็นอาหารชนิดหนึ่ง ในประเทศญี่ปุ่นนิยมรับประทานในฤดูใบไม้ร่วง หลายปีก่อนการเผามันนิยมใช้ใบไม้กองสุมรวมกันแล้วเผา แต่กฎหมายใหม่ญี่ปุ่นห้ามเผาสิ่งของต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายหรือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม วิธีการทำมันเผาจึงเปลี่ยนแปลงไป ส่วนในฤดูหนาวการถือมันเผาร้อน ๆ ไว้ที่มือยังช่วยคลายความหนาวให้กับมือด้วย[1]

นอกจากในญี่ปุ่นแล้ว มันเผาญี่ปุ่นยังแพร่หลายจนเป็นอาหารทานเล่นของจีนและเกาหลีใต้เรียกว่า เก่าหงฉู่ (จีน: 烤红薯; พินอิน: kǎo hóngshǔ) และ คุนโกกูมา (เกาหลี: 군고구마 gungoguma) ตามลำดับ

     

มันเผาทั่วไป ( ก่อนจะเป็น มันญี่ปุ่น )

มันเผาทั่วไป ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า ยากิอิโมะ มีมาแต่ก่อนยุคโชวะ ที่นิยมทำกินในฤดูใบไม้ร่วงอันเนื่องมาจากใบไม้มีเป็นจำนวนมาก มีความยุ่งยากในการกำจัดให้หมดไปโดยเร็วการเผาจึงเป็นวิธีที่เร็วที่สุด เมื่อทำการเผาระหว่างรอจะนำเอาหัวมันใส่เข้าไปในกองไฟ รอให้สุกได้ที่จึงรับประทาน

ธันวาคม พ.ศ. 2543 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกกฎหมายควบคุมการเผาสิ่งของต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการเผาใบไม้ ด้วยเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้ไม่สามารถเผาใบไม้ได้อีกต่อไป ชาวญี่ปุ่นที่อยากทำมันเผากินเองจึงเปลี่ยนวิธีการทำไปจากเดิม เช่น ห่อด้วยอะลูมิเนียมฟอยล์แล้วจึงนำเข้าไปอบด้วยเตาอบไมโครเวฟ หรือวางไว้บนเครื่องทำความอุ่นแบบใช้น้ำมันก๊าด (สโต๊บ)[2][3]


 

มันเผาใช้หิน[แก้]

อิชิยากิอิโมะ (ญี่ปุ่น: 石焼き芋; โรมาจิ: Ishiyakiimo) เป็นมันญี่ปุ่นเผาอีกชนิดหนึ่งที่นิยมรับประทาน ซึ่งวิธีการทำแตกต่างจากมันญี่ปุ่นเผาที่เรียกยากิอิโมะ โดยจะใช้หินจากแม่น้ำที่มีลักษณะกลม เล็กพอเหมาะมาใส่ลงในภาชนะขนาดใหญ่จากนั้นให้ความร้อนและใช้หินเป็นตัวกระจายความร้อนให้หัวมันญี่ปุ่นสุก ในขั้นต้นจะทำให้หินร้อนทั่วกันด้วยการคนจนร้อนได้ที่ก่อน จากนั้นจึงนำหัวมันใส่ลงไปและเริ่มทำการคนอีกครั้ง (คล้ายการคั่วเกาลัดของไทย) ผู้ทำมันญี่ปุ่นเผาชนิดนี้จึงต้องมีความชำนาญเป็นพิเศษ[4]


 ข้อมูลอ้างอิง : wikipedia

#1 มันหวานญี่ปุ่น มันหนืบ มันม่วง imoking SEO.jpg

มันญี่ปุ่น  ทำไมถึงฮิตจัง

หากพูดที่มันเผาที่ อร่อย คงหนีไม่พ้น มันญี่ปุ่นอย่างแน่นอน ด้วยเนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม สีเหลืองทอง รสชาตหอมหวาน จึงทำให้คนทานก็ชอบ บอกต่อ จนใครต่อใครก็อดใจไม่ได้ที่จะต้องซื้อมาลองชิม แล้วก็กลายเป็นลูกค้าประจำไปซะทุกราย 

 


 ข้อมูลอ้างอิง : SMEclubthailand

มันหวานญี่ปุ่นมีสรรพคุณอะไรบ้างนะ

 

“มันหวานญี่ปุ่น” (Sweet Potato) หรือที่คนไทยมักจะรู้จักในชื่อว่า “มันเทศ” ซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตชั้นยอดที่ให้ พลังงานสูง โดยมันเทศ 100กรัม จะให้พลังงาน 90Kcal และไม่ก่อให้เกิดพิษต่อร่างกายเหมือนอาหาร ที่แปรรูปจากแป้ง หรือ น้ำตาลแบบอื่น ๆ มันเทศมีวิตามินบี 2 และโฟเลตสูงรองลงมาจากผักใบเขียว วิตามินซีบำรุงเนื้อเยื่อในร่างกายและช่วยให้ ร่างกายดูดซึม แคโรทีนอยด์ได้ดีขึ้น

นอกจากนี้มันเทศยังมีเส้นใยอาหารสูง จึงกินเพื่อควบคุมน้ำหนักได้ดี ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ลดอัตราเสี่ยงของโรคมะเร็ง ลำไส้ใหญ่ได้ และ อีกกว่าครึ่งของเส้นใยในมันเทศคือ เพกติน เส้นใยที่ละลายน้ำได้ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยควบคุมคอเลสเตอรอล ในกระแสเลือด มันเทศจึงเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพหัวใจอีกชนิดหนึ่ง

(ที่มาhttp://www.banpaksiam.com/product/1433405/index.php)

วิธีเผามันญี่ปุ่น

วิธีเผามันญี่ปุ่น ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้านไม่ยากเลย

หลายคนอาจเป็นกังวลว่าถ้าซื้อมันดิบไปทำเองจะอร่อยเหมือนที่ร้านทำให้ไหม ถ้าเราเอามาทำเองแล้วจะเสียรสชาติไหม หากใครเป็นกังวลเรื่องนี้  บอกเลยว่าไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะมันเผาญี่ปุ่นนั้นทำได้ง่ายมาก วันนี้เราจะพามาดูวิธีทำมันหวานญี่ปุ่นจากอุปกรณ์เครื่องครัวต่าง ๆ ที่มีในบ้านทุกคนค่ะ

 

วิธีที่ 1 ทำมันหวานง่าย ๆ ด้วยเตาอบ

- ตั้งอุณหภูมิเตาอบที่ 200 องศาเซลเซียส

- ตั้งเวลาประมาณ 40-60 นาที

- ปรับอุณหภูมิลดลงเหลือ 100-150 องศาเซลเซียส อบต่อประมาณ 10-15 นาที จะทำให้เนื้อมันมีความหวานนุ่มมากขึ้น

วิธีที่ 2 ทำมันหวานง่าย ๆ ด้วยการเผาหรือปิ้ง

- นำส้อมหรือไม้แหลมจิ้มให้ทั่วมันหวาน

- นำมันหวานมาวางบนเตาเผาหรือเตาปิ้ง

- ใช้เวลาเผาประมาณ 20-45 นาที

- หากมันยังไม่สุกให้เพิ่มเวลาต่อไป แต่ต้องคอยเฝ้าดูเพราะหากเผาหรือปิ้งนานเกินไป เนื้อมันจะแห้งและไหม้ได้

วิธีที่ 3 ทำมันหวานง่าย ๆ ด้วยไมโครเวฟ

- ใช้กระดาษทิชชู่อเนกประสงค์ ประมาณ 2-3 แผ่น ชุบน้ำให้ชุ่ม

- นำกระดาษที่ชุบน้ำแล้วห่อมันหวานทั้งหัว

- นำมันหวานที่ห่อกระดาษชุบน้ำ มาห่อด้วยพลาสติกแรปอาหารอีกชั้น

- นำไปเข้าไมโครเวฟ 600 วัตต์ ประมาณ 2 นาทีครึ่ง

- จากนั้นปรับความร้อนให้อยู่ที่ระดับ 300 วัตต์ (หรือกำลังไฟต่ำปานกลาง) แล้วเวฟต่ออีก 20 นาที

วิธีที่ 4 ทำมันหวานง่าย ๆ ด้วยการนึ่ง

- ล้างมันหวานญี่ปุ่นให้สะอาด

- เติมน้ำในเครื่องนิ่งให้เต็ม

- ตั้งเวลานึ่งมันตามไซส์มันหวาน

    *ไซส์ S เวลาที่ใช้ 25-30 นาที

    *ไซส์ M เวลาที่ใช้ 40-45 นาที

    *ไซส์ L เวลาที่ใช้ 55 นาทีขึ้นไป

- เมื่อครบกำหนดเวลา ตรวจสอบความสุกของมันโดยนำไม้จิ้มว่านิ่มทะลุผ่านหรือไม่​

วิธีที่ 5 ทำมันหวานง่าย ๆ ด้วยหม้ออบลมร้อน

- ตั้งอุณหภูมิหม้ออบลมร้อนที่ 200-250 องศาเซลเซียส

- ตั้งเวลาประมาณ 30 นาที

- เมื่อเครื่องตัดแล้วทิ้งไว้อีกสักพักให้เย็นลงก่อนเปิดฝา

- ตรวจสอบความสุกของมันโดยการนำไม้จิ้มว่านิ่มทะลุผ่านได้ไหม หากมันยังแข็งอยู่ให้อบต่อครั้งละ 10 นาที

ข้อมูลอ้างอิง : japanoishitanoshinet

ประโยชน์ของมันหวานญี่ปุ่น

มันหวานญี่ปุ่นเป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีแหล่งรวมสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่ วิตามินเอและวิตามินซีช่วยบำรุงระบบสายตา-ผิวพรรณให้ดูสดใส โพแทสเซียมช่วยบำรุงระบบประสาท-สมองให้แข็งแรง คาร์โบไฮเดรตช่วยสร้างพลังงานให้แก่ร่างกายและช่วยให้อิ่มท้อง รวมทั้งมีไฟเบอร์และโพรไบโอติกส์ที่ช่วยกระตุ้นระบบการทำงานของลำไส้ พร้อมกับช่วยแก้ไขปัญหาท้องผูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่หาจากที่ไหนไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นสารเบต้าแคโรทีนและสารแคโรทีนอยด์ช่วยต่อต้านริ้วรอย เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคร้าย เช่น โรคมะเร็งและโรคหัวใจ ถึงแม้ว่ามันหวานญี่ปุ่นจะมีรสชาติที่หวานมาก แต่ก็มีระดับดัชนีน้ำตาลที่ต่ำ อีกทั้งผู้ป่วยโรคเบาหวานยังสามารถรับประทานได้อีกด้วยค่ะ

มันญี่ปุ่น.jpg

วิธีการเลือกมันหวานญี่ปุ่น

มันหวานญี่ปุ่นในแต่ละสายพันธุ์มีทั้งสีเปลือก สีเนื้อด้านใน ระดับความหวานและความหอมที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังถูกนำไปแปรรูปเป็นขนมขบเคี้ยวและอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งต่อจากนี้เราจะพาทุกคนเข้าสู่การแนะนำประเภท และสายพันธุ์ของมันหวานญี่ปุ่นกันแบบใกล้ชิด จะมีเนื้อหาอย่างไรบ้าง ไปชมกันเลยค่ะ

เลือกจากประเภทของมันหวานญี่ปุ่น

สำหรับใครที่ชอบมันหวานญี่ปุ่นอยู่แล้ว อาจจะคุ้นเคยกับการรับประทานมันหวานญี่ปุ่นแบบเผากัน เพื่อให้คุณได้ลิ้มลองกับผลิตภัณฑ์มันหวานญี่ปุ่นในรูปแบบอื่นกันบ้าง เราจึงได้รวบรวมนำเอาผลิตภัณฑ์มันหวานญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมาแนะนำกันค่ะ

มันหวานญี่ปุ่นแบบสดสำหรับเผา รับประทานได้ทั้งครอบครัว

มันหวานญี่ปุ่นแบบสดจะเติบโตได้ดีในสภาพอากาศที่อุ่น อุดมไปด้วยแร่ธาตุ วิตามิน และสามารถรับประทานได้ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ ด้วยเนื้อที่เนียนและมีความหวานอันเป็นเสน่ห์ที่ชวนน่ารับประทาน จึงทำให้ครองใจคนทุกเพศทุกวัย อีกทั้งยังสามารถรับประทานกันได้ทั้งครอบครัว ไม่ว่าจะนำไปอบ ย่าง หรือเผาก็ให้ความอร่อยไม่เปลี่ยนแปลง แถมยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในครอบครัวให้แน่นแฟ้นขึ้นอีกด้วยค่ะ

มันหวานญี่ปุ่น.jpg

มันหวานญี่ปุ่นแบบพร้อมทาน เนื้อนุ่ม หนึบหนับอร่อย

เมื่อมันหวานญี่ปุ่นถูกนำมาแปรรูป จึงกลายเป็นมันหวานญี่ปุ่นในรูปแบบใหม่ที่รับประทานได้ในทันที ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการเผา หรืออบอีกต่อไป พร้อมทั้งมีรสหวานจากธรรมชาติ โดยปราศจากน้ำตาล การปรุงรส แป้ง หรือสีผสมอาหารที่ทำให้เสียรสชาติความอร่อย ส่วนเนื้อสัมผัสต้องบอกเลยว่า มีความนุ่ม เนื้อไม่แข็ง แถมยังให้ความหนึบหนับระหว่างรับประทาน อีกทั้งแพ็กเกจยังเหมาะสำหรับพกพารับประทานได้ทุกที่ค่ะ

มันหวานญี่ปุ่น.jpg

มันหวานญี่ปุ่นแบบทอด/อบกรอบ เคี้ยวเพลิน ไม่ต้องกลัวอ้วน

ในบรรดาสินค้าแปรรูปของมันหวานญี่ปุ่น ยังมีผลิตภัณฑ์อีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมนั่นก็คือ มันหวานญี่ปุ่นแบบทอด/อบกรอบค่ะ ซึ่งมันหวานญี่ปุ่นประเภทนี้ได้ผ่านขั้นตอนการทอดด้วยน้ำมันรำข้าวแบบสุญญากาศ โดยปราศจากไขมันทรานส์ จึงเหมาะอย่างมากกับผู้ที่ชอบรับประทานขนมขบเคี้ยวแบบทอด แต่ก็อยากควบคุมน้ำหนักไปด้วย รวมถึงยังมีรสชาติที่อร่อย ไร้กลิ่นหืน แถมยังเคี้ยวเพลินจนลืมเวลาไปเลยค่ะ

มันญี่ปุ่นอบกรอบ.jpg

7ประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ในมันญี่ปุ่น
มันเทศหรือมันหวานญี่ปุ่น เป็นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต แต่คุณประโยชน์ของมันหวานนั้นมีมากมายไม่แพ้กับความอร่อยเลยทีเดียว วันนี้จึงอยากจะมาแนะนำประโยชน์ทั้ง 7 ประการของมันหวานที่คุณอาจยังไม่รู้มาก่อนให้ได้รับฟังกันค่ะ

1.เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยวิตตามินซีและวิตตามินเอ
การบริโภคมันหวานญี่ปุ่นจำนวน 1 ถ้วย หรือ 1 หัว จะทำให้คุณได้รับวิตามินซีในปริมาณครึ่งหนึ่งที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน และคุณจะได้วิตามินเอเป็นจำนวนถึง 400 เท่า ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ซึ่งทั้งสองวิตามินนี้เป็นวิตามินที่มีความสำคัญต่อร่างกาย ตัววิตามินซีจะช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและการต้านอนุมูลอิสระ ส่วนวิตามินเอคือกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพผิวและการมองเห็นของคุณ

มันหวานญี่ปุ่น.jpg

2. อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย

การบริโภคมันญี่ปุ่นหรือมันหวานญี่ปุ่นยังช่วยให้คุณได้รับแร่ธาตุต่าง ๆ เพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นแมงกานีส ที่เป็นแร่ธาตุสำคัญในการสร้าง collagen สำหรับกระดูกและผิวหนัง นอกจากนี้ยังได้รับวิตามินบีและโพแทสเซียมด้วยค่ะ

3. เป็นแหล่งผลิตสารต้านอนุมูลอิสระ
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่ามันหวานญี่ปุ่นมีวิตามินเอและวิตามินซีเป็นจำนวนมาก จึงทำให้มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระและการชะลอวัย โดยเฉพาะมันญี่ปุ่นสีม่วงจะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่ามันญี่ปุ่นชนิดอื่น

4. มีสารช่วยต้านการอักเสบ

มีการวิจัยว่าการบริโภคมันหวานญี่ปุ่นโดยเฉพาะมันหวานสีม่วงจะช่วยลดการอักเสบในเนื้อเยื่อสมองและเนื้อเยื่อประสาท รวมถึงระงับการอักเสบได้ในระดับเซลล์ ซึ่งการอักเสบของร่างกายนั้นเป็นการเพิ่มความเสี่ยงและเป็นบ่อเกิดของโรคเรื้อรังหลายโรคไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคมะเร็ง เป็นต้น

5. ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด
ถึงแม้ว่ามันหวานญี่ปุ่นจะมีส่วนประกอบหลักคือแป้ง ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของน้ำตาล แต่ตัวมันหวานญี่ปุ่นเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน คือจะค่อย ๆ ย่อยและเปลี่ยนเป็นพลังงาน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่ขึ้นสูง และกระตุ้นอินซูลิน

6. ช่วยควบคุมความดันโลหิต

มันหวานญี่ปุ่นอบทั้งเปลือก 1 ถ้วย จะให้โพแทสเซียมถึงก็ 950 มิลลิกรัม โดยคุณสมบัติของโพแทสเซียมจะช่วยลดความเครียดในหัวใจ ควบคุมการเต้นและการหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ และช่วยควบคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติค่ะ

7. เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับการลดน้ำหนัก
มีการศึกษาพบว่า 12 เปอร์เซ็นต์ของแป้งในมันหวานญี่ปุ่น มีลักษณะที่เป็นใยอาหารที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายหรือดูดซับได้ รวมถึงความเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนของมันหวานญี่ปุ่นที่จะทำให้คุณอิ่มได้นานขึ้น ถือเป็นตัวช่วยที่ดีในวันที่คุณต้องการลดน้ำหนัก งดการกินจุกจิกค่ะ

วิธีเก็บรักษามันหวานให้ได้นานๆทำได้ไหม?

เมื่อคุณซื้อมันหวานมาแล้ว(ให้ล้างเฉพาะหัวที่จะทำเมนู) ที่เหลือควรกระจายหัวมันออกวางผึ่งในที่แห้ง อุณภูมิปกติ ไม่โดนแสงแดด

*อากาศถ่ายเทดีจะอยุ่ได้ 5-7 วัน*

**ในห้องที่แห้งหรือมีแอร์เย็นจะอยู่ได้ 7-10 วัน**

ถ้ายังทานไม่หมดแนะนำ ผึ่งมันให้แห้งสนิท แล้วห่อฟิล์มถนอมอาหาร..ใส่ถุงอีกชั้น แช่ตู้เย็น

ถ้าแช่สดๆ มันจะงอก เนื้อมันหวานจะล้ม เสียของไปเลยค่ะ

***หรือคุณอาจจะทำเป็นเมนูสุกในคราวเดียวทั้งหมดเลยก็ได้ค่ะ/นึ่งหรืออบพร้อมทาน แล้วแช่ฟรีซไว้ได้จะดีมากๆเลยค่ะ***

>>เวลาจะทานให้นำออกมาจากฟรีซ เข้าเตาอบ หรืออุ่นเวฟสัก 4 นาที ไฟปานกลาง450° แล้วทานอุ่นๆ หรือจะวางให้ละลายก่อนแล้วทานแบบเย็นๆ ทั้งเปลือกเลยก็ได้นะคะ วิตามินในเปลือกเต็มเปี่ยมเลยค่ะ

(วิธีนี้จะเก็บได้นานเป็นเดือนค่ะ)

มันเผาญี่ปุ่นเก็บได้กี่วัน?

หากเผาแล้วมันญี่ปุ่นเผาสามารถเก็บในตู้เย็นได้ประมาณ 3 วัน ก่อนนำมาทานสามารถอุ่นด้วยไมโครเวฟได้ ไมโครเวฟ 1300 วัตต์ขึ้นไป ใช้เวลาอุ่น 1-2 นาที ไมโครเวฟต่ำกว่า 1300 วัตต์ ใช้เวลา 2-3 นาที

การที่เราจะซื้อมันหวานญี่ปุ่น เราจะมีวิธีเลือกอย่างไร?

วิธีเลือกซื้อมันหวานญี่ปุ่นจากประเทศญี่ปุ่นแนะนำให้เลือกซื้อมันที่มียางสีดำติดครับ ส่วนใหญ่มันหวานญี่ปุ่นที่มียางสีดำติดจะเป็นสัญลักษณ์บอกว่าหัวนี้หวานและอบเยิ้มมาก (ผมให้เกือบ90%) แล้วก็เลือกหัวที่อ้วนไว้ ถ้าหัวเล็กเวลาเราเอามาอบมันจะแห้งก่อนไม่ทันเยิ้มครับ
กับถ้าไปช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน มันหวานญี่ปุ่นจะหวานมากเป็นพิเศษเพราะผ่านกระบวนการหมักหวานมาแล้วครับ แต่ถ้าเป็นมันที่ขุดใหม่ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายนจะมีรสหวานน้อยกว่า

แล้วก็ในประเทศญี่ปุ่นมีมันหวานญี่ปุ่นหลายพันธุ์มาก พันธุ์ที่มีเนื้อเยิ้ม ๆ จะชื่อว่า เบนิฮารุกะ ครับ ขึ้นชื่อว่าเป็นมันที่หวานที่สุดในญี่ปุ่นเลยครับ เวลาอบจะเยิ้มแล้วหวานมาก รองลงมาที่นิยมจะเป็น ซิลสวีท แล้วก็ อันโน อิโมะ

(เนื้อสีส้มอ่อน ๆ )
นอกจากนี้ในญี่ปุ่นก็จะมีพันธุ์อื่น ๆ ที่คนญี่ปุ่นชอบทานอีกหลายชนิดเลยครับ เช่น เบนิอะสึมะ ตัวนี้จะหวานแต่เนื้อไม่เยิ้ม อีกตัวชื่อ นารุโตะ คิงโตคิ ตัวนี้ปลูกเยอะในแถบโทคุชิมะปลูกกับดินทรายทะเล เนื้อจะเป็นแท่งหวานกลาง ๆ ไม่เยิ้มเช่นกันครับ

เวลาเลือกซื้อในห้าง ผมชอบไปเลือกซื้อตามร้านที่มีเครื่องอบนะครับ เราได้เห็นมันบนเตาชัด ๆ เลยว่าเป็นยังไง ถ้าเป็นแพ็ค ๆ ตามห้างเราไม่เห็นตอนอบบางทีเป็นมันสดเก็บมาใหม่ ๆ ไม่ว่าจะพันธุ์ไหนอบมาก็ไม่ค่อยหวานมากครับ

ส่วนวิธีการเลือกซื้อในไทย ผมสังเกตุเห็นมีมันหวานญี่ปุ่นอยู่ 2 แบบ แบบนำเข้าจากญี่ปุ่นแท้ กับ แบบนำเข้าจากเวียดนาม
ผมลองไปสืบค้นมา ในเวียดนามเป็นสายพันธุ์เบนิอะสึมะเสียส่วนใหญ่เวลาเราเอามาอบจะไม่ค่อยเยิ้มมาก
ส่วนนำเข้าจากญี่ปุ่นจะเยิ้มกว่า ก็แนะนำว่าซื้อของจากญี่ปุ่นดีกว่าครับ(แพงหน่อยแต่อร่อยแน่นอน) อ้อ เวลาเลือกซื้อก็ดูช่วงเวลาอีกทีถ้าเป็นมันช่วง มค - เมษา ยังไงก็อร่อยครับ แต่ถ้ามันช่วง ตค มันก็จะไม่เยิ้มเท่าไหร่

มันหวานญี่ปุ่น มีประโยชน์กว่าที่คิด สุดยอดแห่งอาหาร
    มันหวานญี่ปุ่น ยังถูกยกย่องให้เป็นสุดยอดแห่งอาหาร เพราะไม่ว่าจะเรื่องของการช่วยขับสารพิษหรือช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส แถมยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชลอผิวให้อ่อนเยาว์ และยังดีต่อระบบทางเดินอาหารและลำไส้อีกด้วย

    ถือได้ว่าเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพแบบสุด ๆเลยค่า มันหวาน ทั้งๆที่มีความหวานในตัวแต่ ค่าGlycemic Index กลับน้อยมากๆ แถมยังอัดแน่นไปด้วยวิตามินซี ที่เทียบเท่าแอปเปิ้ลถึง 7 ลูก!! โอ้โห เยอะมากๆเลย อ่านแค่นี้ก็รู้แล้วว่า มันหวานมีประโยชน์มากๆ แต่ยังไม่หมดเท่านี้ เดี๋ยวเราไปดูพร้อมๆกันเลย

1.ช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น  เพราะมันหวานญี่ปุ่นอุดมด้วยโพแทสเซียม ที่มีช่วยให้ระบบประสาทและสมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

2.ช่วยชะลออาการแก่ก่อนวัย  มันหวานญี่ปุ่นอุดมด้วยสารเบต้าแคโรทีนจำนวนมาก ซึ่งมีสรรพคุณช่วยชะลอวัย ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ผิว ช่วยชะลอริ้วรอย ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง มีน้ำมีนวลขึ้น

3.กระตุ้นระบบขับถ่าย มันหวานญี่ปุ่นมีกากใยอาหารสูง ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก  กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

4.ช่วยลดโรคร้ายได้ มันหวานญี่ปุ่นอุดมด้วยสารแคโรทีนอยด์สูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์ในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง ลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งเต้านม โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดป้องกันภาวะตับอักเสบ

5.มันหวานญี่ปุ่นเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรต สามารถนำมาทานเป็นอาหารมื้อเย็นแทนข้าวได้ การทานมันหวานในมื้อเย็น จะช่วยให้อิ่มท้องได้อย่างยาวนานและช่วยลดความอยากอาหารจุกจิกได้

6.มันหวานญี่ปุ่นเป็นแหล่งของน้ำตาลดี ความหวานที่ได้จากมันหวานล้วนมาจากแหล่งธรรมชาติ หากเรารับประทานในปริมาณที่เหมาะสม น้ำตาลเหล่านี้จะเป็นแหล่งพลังงานที่ดีในการช่วยบำรุงสมองและร่างกาย  ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น หน้าไม่โทรม ดูเป็นคนที่มีสุขภาพดี

มันหวานดีญี่ปุ่นต่อสุขภาพไหม?

ต้องบอกเลยว่ามันหวานญี่ปุ่นนั้นมีเส้นใยและมีวิตามินหลายๆ ชนิดเลยนะคะ อย่างแรกเลยก็คือวิตามินเอ วิตามินซีและแคลเซียม แถมข้อสำคัญก็คือมันหวานญี่ปุ่นมีแคลอรี และมีคาโบไฮเดรตต่ำ นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีอีกด้วยค่ะ เรียกได้ว่าวิตามินมากมายหลายชนิด โดยวิตามินซีก็จะช่วยทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกัน เผาผลาญอาหารได้ดี มีประโยชน์ต่อทางเดินอาหาร

กินมันหวานญี่ปุ่นทุกวันดีไหม?

โดยทั่วไปแล้ว มันญี่ปุ่นถือว่าเป็นพืชที่มีความปลอดภัย สามารถรับประทานได้โดยไม่มีอันตราย แต่ผู้ที่มีอาการแพ้มันต่างๆ ซึ่งถึงแม้จะพบได้น้อย แต่ก็ควรหลีกเลี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้อาการแพ้กำเริบ มากไปกว่านั้น มันต่างๆยังมีสารออกซาเลต (oxalate) ที่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นนิ่วในไต ผู้ที่เป็นโรคนิ่วในไต หรือมีความเสี่ยงจะเป็นนิ่วในไต

มันหนึบมีประโยชน์ไหม

เค้าว่าไว้ว่าขนมตัวนี้ มีกากใยสูง ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี และมีวิตามิน C สูง ไม่ต้องกลัวอ้วน เพราะไม่ใส่น้ำตาล ใช้ความหวานจากมันธรรมชาติ 100% มี Glycemic index (GI) ที่ต่ำ ซึ่งเราสามารถใช้กินกัน ในกรณีที่กำลังเข้าคอร์สลดน้ำหนักได้อย่างสบาย ไม่ใส่ผงชูรส และวัตถุกันเสีย

มันหวานญี่ปุ่น ของแนะนำช่วงหน้าหนาว!

เข้าใกล้ช่วงหน้าหนาวแบบนี้ เรานึกถึงภาพนั่งรอบกองไฟตอนกลางคืน ท่ามกลางอากาศเย็นสบายในภูเขา นั่งกินอะไรร้อน ๆ เพื่อคลายความหนาว ซึ่ง มันหวานญี่ปุ่นเผา เป็นหนึ่งอย่างที่เหมาะกับอากาศช่วงนี้มาก ๆ นอกจากความหวาน มัน และนุ่ม ที่ทำให้ใครๆ หลายคนติดใจแล้ว มันหวานญี่ปุ่นยังมีคุณประโยชน์มากมายที่ดีต่อสุขภาพของเราอีกด้วย ซึ่งวันนี้จะมาเล่าคุณประโยชน์ของเจ้ามันหวานญี่ปุ่นให้ฟังกันค่ะ

มันหวานถือเป็นแหล่งพลังงานชั้นดี เนื่องจากมีคาร์โบรไฮเดรตและใยอาหารบางส่วนที่ร่างกายไม่สามารถย่อยหรือดูดซึมได้ เลยทำให้อิ่มนาน สามารถกินแทนข้าวในการลดน้ำหนักได้ และถึงแม้จะได้ชื่อว่ามันหวาน แต่ดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) นั้นอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งดีต่อคนที่เป็นโรคเบาหวาน เพราะกว่าจะย่อยเป็นน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดนั้นใช้เวลานาน นอกจากนี้มันหวานยังเป็นแหล่งอุดมวิตามินและแร่ธาตุชั้นเลิศ โดยเฉพาะ เบต้าแคโรทีน (Beta Carotene) วิตามิน เอ (Vitamin A) และ วิตามิน ซี (Vitamin C) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยชะลออาการแก่ก่อนวัยอันควร ยับยั้งเซลล์มะเร็ง และยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย

มันเผาญี่ปุ่น อาหารที่ถือว่าดีต่อสุขภาพให้พลังงานที่เหมาะสม

มันเผาญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นนิยมทานมันหวานญี่ปุ่นมาช้านาน ซึ่งเป็นอาหารที่ถือว่าดีต่อสุขภาพด้วย เพราะให้พลังงานที่เหมาะสม อิ่มนาน แต่ไม่สะสมในร่างกายนานจนเกินไป กล่าวง่าย ๆ คือ เปลี่ยนเป็นไขมันได้ช้านั่นเอง

วิธีการทานมันหวานญี่ปุ่นสามารถทำได้ทั้งการต้มและการเผา แต่ที่นิยมมากที่สุดคือการเผามากกว่า

ในอดีต มันหวานญี่ปุ่นมักนิยมทานกันในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เหตุผลที่ฟังดูน่ารัก นั่นเพราะเมื่อมีใบไม้ที่ร่วงหล่นและเหี่ยวแห้งจำนวนมาก จึงต้องกำจัดใบไม้ด้วยการนำมาสุมรวมกันแล้วเผาใบไม้ทิ้ง ครั้นเมื่อจะเผาใบไม้เฉย ๆ ก็กระไรอยู่ จึงนำมันหวานมาเผาด้วยซะเลย ถือเป็นการจัดการบริหารแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

แต่ทว่าต่อมาความนิยมการทานมันหวานญี่ปุ่นได้เปลี่ยนมานิยมทานกันในฤดูหนาวและเปลี่ยนจากการเผามันด้วยใบไม้มาเป็นการเผาด้วยฟืนถ่านและหินกลมจากแม่น้ำแทนเนื่องจากทางประเทศญี่ปุ่นได้ออกกฏหมายห้ามทำการเผาใบไม้หรือสิ่งของใดๆเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งจากไฟไหม้และมลพิษจากควันไฟอีกด้วย

เหตุผลหนึ่งที่มันหวานญี่ปุ่นมักนิยมทานด้วยการเผามากกว่าการต้ม นั่นเพราะจะได้รสชาติที่ต่างกันอย่างชัดเจน เพราะการเผาเท่านั้นที่จะทำให้มันญี่ปุ่นมีรสชาติหวานเหมือนมันเชื่อมโดยที่ไม่ต้องใส่น้ำตาลลงไปในเนื้อมันเลย แต่ถ้าเป็นการต้ม จะได้เพียงรสชาติของมันเทศธรรมดาเท่านั้นเอง ความมหัศจรรย์ของมันหวานญี่ปุ่นก็อยู่ตรงที่ความหวานเหมือนกับถูกปรุงด้วยการเชื่อมจากน้ำตาล โดยที่แท้จริงเพียงแค่ทำการเผาด้วยความร้อนเท่านั้นเอง มันหวานที่นิยมทานกันมักจะนิยมเผาด้วยหินกลม เพราะจะมีการกระจายความร้อนอย่างทั่วถึงแต่ไฟไม่แรงมากเกินไป  ทำให้ยังได้เนื้อมันค่อนข้างเยอะ  หรือจะเรียกว่าการใช้ความร้อนจากหินอบหัวของมันญี่ปุ่นนั่นเอง

แต่ถ้าหากซื้อมันญี่ปุ่นสดติดตู้เย็นเอาไว้แล้วอยากเผาทานเอง ก็สามารถใช้วิธีการอบด้วยเตาอบได้ เพียงแต่เราจะได้มันญี่ปุ่นที่ผิวค่อนข้างแห้งและเหี่ยวและสูญเสียปริมาณเนื้อของมันญี่ปุ่นไปค่อนข้างเยอะ อรรถรสในการรับประทานและกลิ่นหอมก็จะแตกต่างจากการเผาด้วยหินหรือฟืนอีกด้วย

ปัจจุบัน มันหวานญี่ปุ่น นอกจากจะเป็นที่นิยมชื่นชอบของชาวญี่ปุ่นแล้ว ยังเป็นที่นิยมของชาวเกาหลี จีน ประเทศไทย หรือแม้แต่อเมริกาอีกด้วย โดยเฉพาะสายลดความอ้วนหรือควบคุมน้ำหนัก มักจะนิยมทานกันแทนข้าวหรือแป้งขัดขาว

นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ต้องหาโอกาสลิ้มลอง มันหวานญี่ปุ่นของแท้ต้นตำรับให้ได้เชียวนะ รับรองต้องติดใจ จนอยากกลับไปอีกแน่นอน ซึ่งเมื่อมาถึงถิ่นต้นกำเนิด ก็หาซื้อทานกันไม่ยาก เพราะมีขายกันทั้งแบบรถเข็นโบราณ ซึ่งก็ทำให้ได้อรรถรถแบบชาวญี่ปุ่นดั้งเดิม ได้เซลฟี่กับรถเข็นขายมันเผาดูเท่ไม่เบา และแบบร้านแผงลอยและร้านคาเฟ่ ซึ่งจะนั่งทานที่ร้าน ถ่ายรูปเก๋  ๆ หรือเดินทานพร้อมกับเดินท่องเที่ยวในย่านช็อปปิ้งด้วยก็ได้ ตามสะดวก

ซึ่งมันหวานญี่ปุ่น  ไม่ได้มีแค่สีม่วงที่เห็นส่วนใหญ่ แต่ยังมีหลากหลายสายพันธุ์ หลายสี ดังนี้

  • อันโนอิโมะ (Anno Imo) มีสีส้มกลาง ๆ

  • เพอร์เพิ้ล สวีท โร้ด ( Purple sweet road) มันหวานสีม่วง

  • เบนิฮารุกะ (Beni Haruka ) สีขาวเหลือง

  • ฮัลโลวีน สวีท (Haloween Sweet) สีส้มฟักทองอเมริกา

  • ซิลล์ สวีท (Silk Sweet) สีขาวนวล

  • นารุโต คินโทคิ ซาโตะ มูซาเมะ (Naruto Kintoki Sato Musame) สีเหลืองทองคำ

  • นินจินอิโมะ (Ninjin Imo) สีส้มแครอท

  • มิยาซากิเบนิ (MiyaZaki Beni) สีแดง

มันหวานญี่ปุ่น หวานหอมอร่อย Japanese Sweet Potato

มันหวานญี่ปุ่น หวานหอมอร่อย Japanese Sweet Potato 

เป็นมันญี่ปุ่นที่ทานแล้วไม่อ้วน เพราะมีไฟเบอร์สูงกว่ามันทั่วไป รวมถึงรสชาติ ก็หวานหอมกว่า ทำให้ได้ทานแล้วหยุดไม่อยู่ รวมไปถึงยังมี สารหารมากกว่ามันทั่วไปด้วย มีวิตามินที่มีประโยชน์ ต่อรางกาย

การนำ มันหวานญี่ปุ่น มาประกอบอาหาร ก็มีหลาย เมนูมากที่ทำได้ แต่วิธีเบื้องต้นที่นิยม กันก็มี นึง ย่าง อบ หรือต้ม ก็ได้ ใช้เวลาไม่นาน ก็ได้ลิ่มลอง รสชาติของมันหวานญี่ปุ่นแล้ว 

ถ้าเรานึงเราจะรสชาติที่หวาน อร่อย ถ้าย่าง ก็จะให้ทั้งรสชาติ แล้วกลิ่งที่ห้อมอบอวน สำหรับคนที่ได้ลองทานแล้ว ส่วนมากจะติดใจ และต้องหาซื้อทานอีกเป็นแน่นอน

ส่วนราคา ก็มีตั้งแต่ ถูกจนถึงแพง ความแตกต่างก็ขึ้นอยู่ กับขนาดมันหวาน ที่จำหน่ายกันไทย ก็มี 2 ขนาด ก็เป็น เบอร์ S และเบอร์ M ส่วนมากจะนิยมเบอร์ M ก้น จะมีขนาดหัว ที่ใหญ่กว่า 

 มันม่วง คือมันอะไรกันแน่
       - จริง ๆ แล้วกระแสมันม่วงที่ฮิตกันมาจากมันม่วงของญี่ปุ่น แต่มันม่วงที่เห็นขายกันตามท้องตลาดบ้านเรา เป็นมันเทศสีม่วงที่ปลูกในไทย ขายในไทย ให้คนไทยได้กินกันเองนี่แหละค่ะ ซึ่งมันเทศสีม่วงมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Sweet Potato ส่วนชื่อทางวิทยาศาสตร์ของมันม่วงนั้นคือ Ipomoea batatas (L.) Lam. มันเทศจัดเป็นพืชในวงศ์ Convolvulaceae 

       - มันม่วงหรือมันญี่ปุ่นสีม่วง เป็นมันเทศอย่างหนึ่ง มีสีม่วงสวยเป็นเอกลักษณ์ มีที่มาจากเมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น เนื้อนิ่ม มีเสี้ยนน้อย สีม่วงของมันม่วงมาจากสารรงค์วัตถุที่ชื่อว่าแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ยิ่งมีมากก็จะยิ่งมีสีม่วงเข้มขึ้น สารแอนโทไซยานินนี้เองมีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และเส้นเลือดอุดตันในสมอง สีม่วงของมันม่วงจึงไม่ได้มีแค่ความสวยงามเท่านั้น

มันเทศสีม่วงจากเกาะโอกินาว่าที่อร่อยจนร่ำลือไปทั่วโลกนี้ ปัจจุบันสามารถเพาะปลูกได้แล้วโดยเกษตรกรคนไทย ทำให้ซื้อหาได้ในราคาที่ถูกลงเพราะไม่ต้องนำเข้า จึงเกิดเป็นมันม่วงฟีเวอร์ขึ้นทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นตามคาเฟ่ ร้านอาหารสุขภาพ ไปจนถึงแผงขายผักในตลาดเลยทีเดียว

5 พันธุ์มันม่วงที่รสหวานอร่อยเป็นที่นิยมสูง

มันม่วง หรือ มันหวานญี่ปุ่นพันธุ์สีม่วงนับได้ว่าเป็นมันหวานที่มีคุณค่าสูงสุดของทุกสี นับตั้งแต่สารตั้งต้นอย่างแอนโทไซยานินที่มีสูงมากกว่าผลไม้ตระกูลเบอรี่หลายเท่าซึ่งช่วยเรื่องต่อต้านอนุมูลอิสระแล้ว ยังอุดมไปด้วยวิตามินซีอย่างเต็มเปี่ยมและนอกจากนี้ยังมี จาราปิน (Jarapin) สารหนึ่งเดียวที่มีเพียงในมันเทศซึ่งช่วยในการดีท็อคของลำไส้ได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย

ในปัจจุบันมีมันสีม่วงออกมาหลากหลายสายพันธุ์ แต่มีเพียงไม่กีสายพันธุ์ที่มีความต้องการในตลาดสูงและยังมีรสชาติดีอีกด้วย เรามาทำความรู้จักกับ 5 ที่สุดของสายพันธุ์ สุดยอดมันม่วงกันครับ

เพอเพิ้ลสวีทลอร์ด

เพอเพิ้ลสวีทลอร์ด มันหวานสีม่วงที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศญี่ปุ่น มีรสหวานกำลังดีเหมาะทั้งนำไปนึ่งและเผา สีของเพอเพิ้ลสวีทลอร์ดนั้นจะเป็นสีม่วงอ่อน โทนสีนุ่มหวานเหมาะกับการนำไปทำไส้ขนมเป็นอย่างมาก แต่ก็มีบ่อยครั้งที่ผู้ปลูกพบว่าเพอเพิ้ลสวีทลอร์ดให้ลูกออกมาโดยมีสีเหลืองปะปนอยู่เช่นเดียวกัน เนื่องจากมันหวานชนิดนี้เป็นลูกผสมระหว่างสีเหลืองและสีม่วงจึงมีโอกาสเกิดลูกที่มีสีเหลืองปนบ้างเป็นบางครั้ง

ลักษณะเด่นของเพอเพิ้ลสวีทลอร์ด

  • ปริมาณเก็บเกี่ยวสูง

  • ปลูกง่าย ลำต้นใหญ่แข็งแรงต่างจากมันหวานสีม่วงชนิดอื่น ๆ

  • ระยะการเก็บเกี่ยวสั้นเพียง 90-120 วัน (ขึ้นอยู่กับการตั้งตัวในช่วงแรก)

  • มีรสหวานอร่อยทั้งแบบนึ่งและเผา

เพอเพิ้ลสวีทลอร์ด.jpg

จูระโคอิเบนิ

“เบนิอิโมะ คือพันธุ์มันหวานที่ปลูกได้เพียงบนเกาะโอกินาว่า。จากมันสีม่วงทั้ง 8 พันธุ์เราได้คัดสรรค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนได้ 「จูระโคอิเบนิ」พันธุ์ที่โดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของโอกินาว่า” นี่คือประโยควลีเด็ดบนภาพด้านบนที่ได้เขียนไว้

จูระโคอิเบนิ หรือในบ้านเราเรียกติดปากว่า มันม่วงโอกินาว่า นับได้ว่าเป็นสุดยอดพันธุ์มันสีม่วงของเกาะโอกินาว่า แห่งประเทศญี่ปุ่น มันสร้างชื่อเสียงให้เกับเกาะเป็นอย่างมาก ทั้งนำไปผลิตเป็นขนมอันโด่งดังอย่าง ทาร์ตมันม่วง หรือ มันแท่ง รวมไปถึงหน้าเค้กและอื่น ๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่ามันคือพระเอกของเกาะกันเลย

ลักษณะเด่นของ จูระโค่ยเบนิ หรือ ม่วงโอกินาว่า

  • ปลูกง่าย ให้ผลผลิตง่ายในบ้านเรา

  • ติดลูกเป็นพวงน้ำหนักดี

  • สีม่วงเข้ม

  • สกัดสารแอนโทไซยานินได้ปริมาณที่มากกว่าชนิดอื่น ๆ

  • สามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลาย

จูระโคอิเบนิ.jpg

มุราซากิโรแมน

มุราซากิโรแมน มันหวานสีม่วงในตำนานของทางทาเนะกะชิมะ มันเป็นมันหวานพื้นเพของเมืองทาเนะกะชิมะ น้อยคนนักที่จะรู้จัก มีรสหวานที่รู้สึกได้แม้จะทานแบบขุดทันทีโดยไม่ต้องเก็บนาน ใบมีรูปร่างคล้ายกับ จูระโคอิเบนิ ปัจจุบันจำหน่ายอยู่ในเว็บไซต์นายสวนในชื่อ นากะมุราซากิ ซึ่งเป็นชื่อที่ทางผู้ให้ตั้งไว้

ลักษณะเด่นของ มุราซากิโรแมน

  • ปลูกง่าย ให้หัวค่อนข้างเร็ว

  • ทรงหัวเรียวสวย เปลือกสีม่วงแกมแดง

  • เนื้อมีสีม่วงอมแดงเป็นเอกลักษณ์เด่น

  • สามารถนำไปสกัดสารแอนโทไซยานิน หรือ ทำสีย้อมที่ได้ม่วงแกมแดง

แปรรูปได้หลากหลาย

มุราซากิโรแมน.jpg

มุราซากิ มุสึเมะ

มุราซากิ มุสึเมะ (คิวชู 137) มันหวานสีม่วงที่มีเปลือกเป็นสีขาวนวลผ่อง มีชื่อเสียงของทางเกาะคิวชู มันหวานชนิดนี้ถูกพัฒนาสายพันธุ์เพื่อนำไปผลิตเป็นมันทอดและมันตาก(มันหนึบ)ที่มีสีม่วงโดยเฉพาะ มีรสชาติหวานพอดีไม่จัดมาก

ลักษณะเด่นของ มุราซากิ มุสึเมะ (คิวชู 137)

  • ให้หัวง่ายกว่า ทาเนะกะชิมะ-มุราซากิ

  • ทรงหัวเรียสวย

  • มีเนื้อสีม่วงที่บางครั้งก็จะออกไปทางแกมแดงสดสวย

  • นำไปทำมันตากแล้วจะได้สีสดสวยไม่ซีด

มุราซากิ มุสึเมะ.jpg

ทาเนะกะชิมะ มุราซากิ

ทาเนะกะชิมะ มุราซากิ (ทาเนะกะ โกล)  มันหวานทองคำแห่งเกาะทาเนะกะชิมะ โด่งดังจากรายการอาหารในประเทศญี่ปุ่น เด่นในเรื่องของการทานเพื่อลดน้ำหนักและยังใช้ประกอบอาหารประเภทไดเอทได้อีกหลายอย่าง มีรสหวานเล็กน้อย แต่ด้วยที่มันให้หัวยากมากจึงหาซื้อได้เพียงไม่กี่แหล่งในประเทศญี่ปุ่น

ลักษณะเด่นของ ทาเนะกะชิมะ มุราซากิ (ทาเนะกะโกล)

  • เนื้อสีม่วงอ่อนสวย บางทีก็มีสีม่วงเพียงเล็กน้อย

  • รสหวานละมุนอ่อน ๆ เหมาะกับผู้ที่ชอบทานหวานน้อย

  • อิ่มท้องนาน ไฟเบอร์สูง

ทาเนะกะชิมะ มุราซากิ.jpg

มันญี่ปุ่นสีม่วง หวานน้อยแต่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย
มันญี่ปุ่นสีม่วง หรือ ในภาษาญี่ปุ่น Murasaki Imo เป็นชื่อเรียกมันเทศที่มีเนื้อสีม่วง… ใช่แล้วครับอะไรที่เป็นมันเทศแล้วมีเนื้อสีม่วงชาวญี่ปุ่นเหมาเรียกว่า มุราซากิ อิโมะ ทั้งหมดซึ่งเหมือนกับบ้านเราที่เรียกว่า มันสีม่วง หรือ มันม่วง แต่ทว่ามี 1 จังหวัดในประเทศญี่ปุ่นที่เรียกมันสีม่วงแตกต่างออกไป นั่นก็คือโอกินาว่า ที่นี่จะเรียกมันสีม่วงว่า เบนิ อิโมะ (Beni Imo)หากใครเคยไปเที่ยวยังจังหวัดโอกินาว่าแล้วละก็จะต้องเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของมันม่วงอย่างแน่นอน เพราะที่โอกินาว่ามีการนำเอามันม่วงหรือเจ้า เบนิอิโมะ มาทำเป็น ทาตมันม่วง เรียกได้ว่าขนมทาตนี้เป็นตัวแทนเช่นเดียวกับโตเกียวบานาน่าเลยทีเดียว หากจะเอ่ยให้ถูกก็คือ ถ้าไปโตเกียว ก็ต้องโตเกียวบานาน่า ไปโอซาก้า ก็ต้องโอซาก้าบานาน่า แต่ถ้าไปโอกินาว่า ก็ต้อง ทาตมันม่วงหรือ(BENI IMO TARUTO) นั่นเองครับ

murasakiimo.jpg

มันญี่ปุ่นสีม่วงมีทั้งหมด 12 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดนั้น มีตั้งแต่รสหวานปานกลางไปจนถึงไม่หวานเลย ทั้งนี้เป็นเพราะสารแอนโทไซยานินที่อยู่ในเนื้อมันที่มีสีม่วงนั่นเอง สารชนิดนี้ยิ่งมีมากสีของมันก็จะยิ่งเข้มและแน่นอนรสของเนื้อมันก็จะคล้ายกับยาสมุนไพรแผงโบราณยังไงยังงั้นเลยครับ
แอนโทไซยานิน(Anthocyanin) คือรงควัตถุที่พบในพืชทั้งในดอกและในผลหรือหัวของพืช ให้สีแดง น้ำเงิน หรือม่วง มีสมบัติเป็นโภชนะเภสัช (nutraceutical) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตันในสมอง ด้วยการยับยั้งไม่ให้เลือดจับตัวเป็นก้อน ชะลอความเสื่อมของดวงตา ช่วยยับยั้งจุลินทรีย์ก่อโรค (pathogen) อีโคไล (Escherichia coli) ในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคท้องร่วงและอาหารเป็นพิษ
แม้รสชาติจะไม่หวานและอร่อยแบบมันเนื้อสีส้มหรือสีเหลืองแต่ด้วยสารประกอบภายในที่ทรงคุณค่าทำให้มันม่วงญี่ปุ่นมีชื่อเสียงด้าน มันเทศที่ทานเพื่อสุขภาพเป็นหลัก ในประเทศญี่ปุ่นมันเทศสีม่วงที่ขึ้นชื่อว่าทานง่ายและให้รสหวานปานกลางมีชื่อว่า Purple Sweet Road แม้จะหวานไม่สู้สีอื่น ๆ แต่ด้วยประโยชน์ที่ได้รับ Purple Sweet Road จึงนิยมถูกนำไปนึ่งหรือเผาแล้วนำไปผสมกับสลัดหรือข้าวสวยร้อน ๆ ทานแทน บ้างก็มีการนำมันม่วงมาสกัดสีออกเพื่อนำไปเป็นส่วนผสมอาหารหรือขนม อย่างทาตมันม่วงเองก็มีการนำเนื้อมันม่วงมาทำเป็นขนมเช่นเดียวกัน นอกจากนี้มันม่วงยังนิยมนำไปหมักแล้วนำไปกลั่นเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภท สาเก หรือ โชจู อีกด้วย เราจะเห็นได้ว่าแม้มันม่วงจะไม่อร่อย หรือ มีรสหวานติดปากรับประทานง่าย แต่มันญีปุ่นสีม่วงก็ให้คุณประโยชน์มากยิ่งกว่าสีชนิดอื่น ๆ มากทีเดียว

bottom of page